4/10/2553

การบริหารความเปลี่ยนแปลง

องค์กรพร้อมเปลี่ยนแปลงมี 3 ประการคือ
1. ผู้นำมีความสามารถเป็นที่ยอมรับของสมาชิก
2. สมาชิกในหน่วยนั้นต้องการเปลี่ยนแปลง
3. ไม่มีโครงสร้างการบริหารหลายชั้น
สอบถามของ John p.Kotter ให้ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่
1. ปัจจุบันองค์กรของท่านไม่มีสถานการณ์เกิดขึ้น
2. องค์กรของท่านประเมินตนเองด้วยมาตราฐานต่ำ ( ไม่ได้เปรียบเทียบองค์กรชั้นนำ )
3. โครงสร้างองค์กรของท่านให้ความสำคัญการทำงานของแต่ละแผนกมากกว่าผลการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร
4. ระบบวางแผนงานและควบคุมขององค์กรถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการวางเป้าหมายการทำหน้าที่ของแต่ละคน ( การทำงานของตนอาจไม่เป็นที่พอใจผู้บริการเพราะไม่ได้ถูกกำหนดอยู่ในประสงค์การทำงานของตน )
5. การประเมินผลการทำงานทำเฉพาะภายในองค์กรเท่านั้น ไม่มีบุคคลภายนอกประเมิน
6. เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความจำเป็นว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง จะโยนความรับผิดชอบไปให้หน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตน
7. ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญเรื่องเล็กๆ
8. สภาพแวดล้อมขององค์กรให้เห็นถึงความสำเร็จขององค์กร ( สถานที่ทำงานหรูหรา )
9. ผู้บริหารเชื่อข่าวดีๆและตำนานองค์กรตัวเอง
ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง
1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ
2. การเปลี่ยนแปลงเรื่องคน
3. การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน
4. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม
การวางแผนการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบ
1. การสร้างทีมเจ้าภาพ
2. การพัฒนาโครงสร้างที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
3. การวางแผนและกำหนดตัวชี้วัด
4. การพัฒนาวิสัยทัศน์

กรณีศึกษา Honda ประเทศไทย

Balanced Scorecard

เป็นเครื่องมือการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Robert S.Kaplan and David P. Norton จุดประสงค์ คือ มุ่งให้องค์กรสมัยใหม่เป็นองค์กรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Organization) ด้วยการกำหนดวัสัยทัศน์ กลยุทธ์ ตัวชี้วัด เป้าหมาย และแผนงาน โครงการ (Initiative) ที่ส่งต่อกันอย่างเป็นระบบ ภายใต้ความสมดุลล์ของคุณค่าหรือมุมมอง 4 ด้าน คือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการ และด้านนวัตกรรมและการเรียนรู้

องค์ประกอบของ Balanced Scorecard

3/25/2553

สรุปทฤษฏี 3 ขา

สรุปทฤษฏีที่เรียนมาของอาจารย์จิระประภา ทฤษฏีสามขา ได้แก่

1. พัฒนาอย่างไรให้คุ้มค่า ( Economic Thoery)
2. ต้องมีระบบไปรองรับ ( System theory )
3. ทฤษฏีทางด้านจิตวิทยาที่ต้องเรียนรู้ (ต้องเข้าใจคน) ( Psychological thoery )
Hammer และ Champy (1994) ได้ยกตัวอย่างการอธิบายกรอบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์บนพื้นฐานของทฤษฎีทั้งสามด้าน เช่น จากแนวคิดกระบวนการรื้อปรับกระบวนการทางธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Reengineering นั้น เป็นการมุ่งเน้นให้พนักงานทุกคนต้องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์) ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นให้น้อยลงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น (ทฤษฎีระบบ) รวมถึงการนำหลักการทางจิตวิทยาเข้ามาใช้ในระหว่างการทำ Reengineering (ทฤษฎีจิตวิทยา)

ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ (Economic Theory)

ในแง่มุมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่วนใหญ่มักกล่าวถึงแนวคิดด้านจิตวิทยาที่มุ่งเน้นถึงความเข้าใจในหลักการและแนวทางการแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ในองค์กร รวมถึงทฤษฎีระบบ โดยมองถึงความสัมพันธ์ของกระบวนการต่างๆ มากกว่าการกล่าวถึงทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ต่อมาภายหลังมีคำถามจากองค์กรว่า ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มผลประกอบการขององค์กร (Organizational Performance) ไม่ว่าจะเป็นกำไร รายได้ ยอดขาย นั่นคือ ความพยายามวัดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน หรือ Return on Investment : ROI
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร สามารถศึกษาและทำความเข้าใจได้ง่ายมาก มีทฤษฎีหลักๆ ที่ควรรู้ และควรให้ความสนใจ คือ
1. Scarce Resource Theory : ทฤษฎีการใช้ทรัพยากรที่จำกัด โดยคาดการณ์ถึงทรัพยากรที่ถูกใช้กับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน หรือพิจารณาถึงค่า ROI : Return on Investment ว่า การเลือกใช้ทรัพยากรนั้นจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
กรณีศึกษา : ผู้เขียนขอยกตัวอย่าง บริษัท SME แห่งหนึ่ง มีพนักงาน 250 คน มีฝ่ายทรัพยากรบุคคล 3 คน CEO ของบริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากบุคลากรในฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีจำกัด ทำให้การวางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และโครงการฝึกอบรมประจำปีของบริษัท ต้องให้บริษัทภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ (Outsourcing) ตั้งแต่การกำหนดโปรแกรมการฝึกอบรม และการจัดหาวิทยากรสำหรับการฝึกอบรมในแต่ละโปรแกรมที่กำหนดขึ้น
2. Substainable Resource Theory : ทฤษฎีการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ทฤษฎีนี้มุ่งเน้นผลตอบแทนที่ได้รับ มองเป้าหมายระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ดังนั้นการลงทุนที่เกิดขึ้นจึงต้องคำนึงถึงข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน (Sustainable Advantage) โดยนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการทำงานเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้รวดเร็วและมีคุณภาพมากขึ้น
กรณีศึกษา : บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีพนักงานเกือบ 500 คน ผู้บริหารต้องการเพิ่มยอดผลิตให้มากขึ้น เนื่องจากได้ขยายตลาดไปยังต่างประเทศแถบเอชัย เทคโนโลยีทางด้านเครื่องจักรในปัจจุบันจึงไม่เพียงพอต่อการผลิต ผู้บริหารระดับสูงจึงสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ที่มีกำลังการผลิตสูง สามารถผลิตสินค้าได้รวดเร็วโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตให้ทันกับการสั่งซื้อของลูกค้าที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น
3. Human Capital theory : ทฤษฎีมองมนุษย์ให้เป็นทุน หรือทุนมนุษย์ เป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด การศึกษา เป็นการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของต้นทุน (Cost-effectiveness Analysis) ทฤษฎีนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง การเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้น กับผลผลิตของพนักงานที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเมื่อผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น ผลตอบแทน ที่พนักงานจะได้รับย่อมเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะผลผลิตของพนักงานที่สูงขึ้น จะนำไปสู่ผลผลิตและ ผลประกอบขององค์กรที่เพิ่มสูงขึ้น ทฤษฎีทุนมนุษย์ จึงเป็นการวิเคราะห์จากแนวคิดของต้นทุนและผลประโยชน์ที่ได้รับ (Cost-benefit Analysis) และวิเคราะห์บนพื้นฐานของผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน (ROI : Return on Investment) ซึ่งกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงการเพิ่มมูลค่าของมนุษย์ที่เป็นพนักงานในองค์กร โดยเรียนรู้ผ่านการศึกษา การฝึกอบรม และการพัฒนาต่างๆ นำไปสู่ผลลัพธ์หรือผลผลิตที่องค์กรต้องการ

ทฤษฎีระบบ (System Theory) เป็นแนวคิดการจัดการซึ่งมององค์การเป็นระบบตามหน้าที่ที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม

3/19/2553

รายงาน_อ.แตน_HO

ประวัติ บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท ร่วมลงทุนระหว่างอินเดียและไทย เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอาทิตยาเบอร์ล่าประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ประเทศอินเดีย ลูกค้าหลักของบริษัทฯ ล้วนแต่เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น บริดสโตน กู๊ดเยียร์ มิชิลิน เป็นต้น วัตถุดิบหลักในการผลิตคาร์บอนแบล็ค คือ Carbon Black Feed Stock Oil (CBFO) ซึ่งต้องนำเข้าคิดเป็น 90-95% ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด หรือประมาณ 80-85% ของต้นทุนการผลิต ราคา CBFO นั้นเทียบเคียงกับราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
บริษัทเป็นผู้ผลิตผงคาร์บอนหลากหลายเกรดซึ่งประกอบด้วยสารประกอบคาร์บอนในรูปของอนุภาคที่มีลักษณะระหว่างของแข็งกับของเหลว (Colloidal Particles) กระบวนการผลิตหลักเพื่อที่จะได้ผงคาร์บอน อยู่ที่การควบคุมกระบวนการเผาไหม้ และการแยกน้ำมันไฮโดรคาร์บอนโดยความร้อนภายใต้สภาวะที่กำหนด น้ำมันไฮโดรคาร์บอนที่ใช้จะเป็นน้ำมันที่มีค่า Aromatic สูงเช่น FCC, Creosote Oils หรือน้ำมันอื่นซึ่งมีค่า Aromatic สูง Carbon Black ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. Channel Black
2. Furnace Black
3. Thermal Black

3/16/2553

แนวคิดเชิงกลยุทธ์ _อาชีพ,ธุรกิจในอนาคต

        หนึ่งในแนวคิดเชิงกลยุทธ์ คือ การสร้างให้มีวิสัยทัศน์ โดยใช้แนวความคิดไปข้างหน้า (Forward Thinking) แต่การสร้างให้มีการมองไปยังอนาคต (Future Thinking) ก็เป็นแนวคิดเชิง Forward Thinking อย่างหนึ่ง ทั้งนี้ การมองเห็นภาพในอนาคตได้ก่อน จะทำให้องค์กรหรือตนเอง สามารถวางแผนการปรับตัวเองให้เหมาะสมกับอนาคตกำหนดพันธกิจ (Mission) เพื่อเป็นแนวทางในการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันให้เหมาะกับอนาคต อีกด้วย

แต่ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายจำเป็นต้องมีข้อมูลตั้งแต่อดีต มาจนถึงปัจจุบัน และ คาดการณ์ไปถึงอนาคตว่าจะเป็นเช่นใด ดังนั้น ทักษะแนวความคิด จึงต้องสร้างจากประสบการณ์ส่วนหนึ่ง สร้างจากการสังเกตุส่วนหนึ่ง สร้างจากจินตนาการส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ในแต่ละเรื่องแต่ละเหตุการณ์จะต้องมีข้อมูลเพื่อสนับสนุนในแต่ละมุม มองว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร

เพื่อให้กระทู้นี้เป็น ประโยชน์กับคนที่ต้องการสร้างธุรกิจของผู้เข้ามาอ่าน รวมไปถึงประโยชน์ในการวางแผนงานของตนให้เหมาะสมและสามารถดำรงอยู่ได้ในอนาคต จึงขอยกตัวอย่าง อาชีพในอนาคต ว่า จะมีอาชีพใด มีธุรกิจใดได้บ้าง ทั้งนี้ ผมจะพยายามคิดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ความสามารถอันเล็กน้อยที่มีจะคิดได้ จึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันคิดครับว่า มีอาชีพและธุรกิจใดบ้างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อว่าอาจจะมีใครสักคนนำเอาแนวความคิดที่เขียนไว้ไปปฏิบัติจริงและประสบ ความสำเร็จในอนาคต...

--------------------------------------------------------------------------------

องค์กรในอนาคต

ถ้ายัง ไม่นับการบริหารจัดการที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการบริหารจัดการไปมากมาย เราพบว่า องค์กรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในองค์กร ทั้งนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล การพิมพ์ การคำนวน ต่างๆสดวกสบายมากขึ้น และ รวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์มีความเร็วมากขึ้น มีการเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ก็จะยิ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กรมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในปัจจุบัน เราสามารถจับหน้าจอที่ทำงานในแต่ละเครื่องได้ผ่านอินเทอร์เน็ต เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถมีกล้องติดกับเครื่องเพื่อถ่ายภาพอีกฝั่งหนึ่ง และ อินเทอร์เน็ตก็เริ่มมีความเร็วมากขึ้น

องค์กรในอนาคต จะใช้เครื่องมือเหล่านี้มาประยุกต์เข้ากับการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ การที่เราจะทำงานที่บ้านก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป ทั้งนี้ ระบบการตรวจสอบการดำเนินงานมีให้พร้อมสรรพ ไม่ว่า การติดต่อสื่อสารทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต การโทรศัพท์ผ่านเน็ต VOIP การจับหน้าจอภาพว่ากำลังทำงานอยู่หรือไม่ หรือ การมองผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในเครื่องไว้ ทั้งนี้ การรวมความสามารถของเครื่องมือต่างๆ เพื่อสร้างให้เป็นระบบการทำงานขึ้นมา จึงเป็นแนวความคิดต่อไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

โครงสร้างแผนธุรกิจ สำหรับ SME

1. บทสรุปผู้บริหาร

• ความเป็นมาและสถานะของกิจการในปัจจุบัน
- ชื่อและที่ตั้งกิจการ / ชื่อผู้บริหารที่สำคัญ / ประเภทสินค้าที่ขาย / ยี่ห้อสินค้า (ถ้ามี)
- กลุ่มลูกค้าหลัก / ส่วนแบ่งตลาด / คู่แข่งที่สำคัญความสามารถในการแข่งขันของกิจการ
- ฐานะของกิจการ (เงินทุน-เงินกู้) และผลประกอบการในปัจจุบัน
• โอกาสทางธุรกิจ และแนวคิดในการจัดทำโครงการ
- ความเป็นมาของโครงการ / วัตถุประสงค์ของโครงการ (เพื่อขยายสาขา / เพื่อจัดตั้งกิจการใหม่ / เพื่อปรับปรุงกิจการ)
- การลงทุนในโครงการ และแหล่งที่มาของเงินทุน
• วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนธุรกิจ (เพื่อขอสินเชื่อ , หาผู้ร่วมลงทุน หรือปรับปรุงกิจการ เป็นต้น )
• กลยุทธ์ในการบริหารโครงการ
- ด้านการจัดการ / การจัดซื้อสินค้าและการบริหารสินค้าคงคลัง / การตลาด และการเงิน
• ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ
- ระยะเวลาคืนทุน (Pay -back Period)
- จุดคุ้มทุน ( Break-even Point )
- มูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน (NPV)
- อัตราผลตอบแทนของการลงทุน (IRR)

2. ความเป็นมาของโครงการ

• ประวัติ และความเป็นมาของกิจการ
- แนวความคิดในการก่อตั้งกิจการ
- ผู้ก่อตั้งกิจการ
- ปีที่ก่อตั้ง
- ทุนจดทะเบียน / ทุนที่ชำระแล้ว
- การเติบโตของกิจการ (ได้แก่ การเพิ่มทุน การลงทุนขยายกิจการ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารฯลฯ)
- ความสำเร็จครั้งสำคัญของกิจการ (ถ้ามี)
• รายชื่อหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น และสัดส่วนหุ้นที่ถือครอง
• ประวัติของหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น
• สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา (ย้อนหลัง 3 ปี)
• กรณีที่เป็นโครงการใหม่ ให้ระบุชัดเจนว่าจะเริ่มดำเนินงานเมื่อใด (จัดทำเป็นตารางแสดงขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดตั้งจนถึงวันเริ่มดำเนินงาน)
3. การวิเคราะห์อุตสาหกรรม

• ภาพรวมของอุตสาหกรรม
• แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม
• มาตรฐานในการประกอบการในอุตสาหกรรม ( เช่น ต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO, QS, GMP, H A CCP ฯลฯ ) ตลอดจน Benchmark อื่น ๆ ที่สำคัญในอุตสาหกรรม
• นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ (ถ้ามี)

4. การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT A nalysis)